translation

【แปล】 Tom Hiddleston ถึงความไม่เสมอภาค High-Rise และการแสดงใน The Night Manager

image
Source : http://www.timeout.com/london/film/tom-hiddleston-on-inequality-high-rise-and-being-the-night-manager

 

‘High-Rise’ จำลองทั้งสังคมในตึกเพียงบล็อกเดียว สังคมที่ก้าวเข้าสู่จุดต่ำ คุณคิดว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับการเมืองหรือเปล่า?

Tom : ผมคิดว่าใช่ ถ้าคุณมีความสนใจในการเมือง คุณก็จะได้มันจากหนัง บางคนเห็นว่ามันคล้าย Lord of the Flies ที่ฉีกหน้ากากเผยสัญชาตญาณสัตว์ป่าของผู้คน แต่มันบังเอิญเกิดกับผู้ใหญ่ในตึกอังกฤษปี 1970 แทนที่จะเป็นกลุ่มเด็กบนเกาะร้าง

 

คุณได้พยายามค้นหาว่า JG Ballard ต้องการที่จะบรรลุอะไรใน High-Rise หรือเปล่า

Tom : บัลลาร์ดบอกว่า เขามองตัวเองเป็นชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนถนนที่มีป้ายเขียนว่า “ระวัง ทางโค้งข้างหน้า!” มุมมองวิบัติของเขาเป็นสัญญาณเตือนว่าถ้าหากเรายังยืนยันที่จะเดินไปทางนี้ต่อ เราก็จะพบจุดจบเช่นนี้ High-Rise ได้รับอิทธิพลมาจากวันหยุดพักผ่อนของเขาที่สเปน บัลลาร์ดพักที่ตึกแห่งหนึ่งและนักท่องเที่ยวถกเถียงกันใหญ่โตเรื่องอาณาเขตของพวกเขา “คุณจะมาทิ้งก้นบุหรี่ที่ระเบียงฉันไม่ได้นะ!” “นี่สระว่ายน้ำฉันนะ!” ทุกคนมองเห็นวิวอันวิจิตรของเมดิเตอร์เรเนียน ชีวิตอันงดงาม แต่นักท่องเที่ยวชาวบริติชก็ยังทะเลาะกันในเรื่องต่างๆ ทุกคนพร้อมจะเสียแรงและหยาดเหงื่อแม้กับเรื่องเล็กน้อย

 

คุณคิดว่า High-Rise พูดถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมกันในทุกวันนี้หรือเปล่า

Tom : ทั้งภาพยนตร์และนิยายสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อำนาจขึ้นอยู่กับคนเพียงหยิบมือในทุกๆ ด้าน ทั้งการเมือง กฎหมาย สื่อ และศิลปะก็เช่นกัน นั่นเป็นสาเหตุที่นักแสดง รวมทั้งตัวผมควรได้รับการพร่ำสอน และมันก็เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันบ่อยในช่วงนี้

 

ถ้าเช่นนั้นคุณคงเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงวิจารณ์ว่าการแสดงมักต้องมาจากนักแสดงที่ร่ำเรียนมาเท่านั้น

Tom : คงไม่ถูกต้องนักที่สังคมใดก็ตามในช่วงชีวิตหนึ่ง รวมไปถึงศิลปะ จะถูกนำเสนอโดยคนเพียงกลุ่มเดียว ผมเข้าใจดีและเห็นด้วยอย่างยิ่ง ประตูควรจะเปิดอ้ารับทุกคน ภาพชีวิตของคุณไม่ควรถูกกำหนดจากสภาพการณ์ที่คุณเกิดมา ทุกคนควรได้รับโอกาสที่จะเดินตามทางสายอาชีพที่ตนเลือก บริติชยังไม่ใช่สังคมคุณธรรมนิยม (*Meritocracy เป็นระบบสังคมที่เชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากความสามารถของบุคคล ไม่ใช่สิทธิพิเศษทางชนชั้น โดยอาศัยแนวคิดความเสมอภาค ความสามารถ ความมั่นคงและความเป็นกลางในทางการเมือง) ผมหวังว่ามันจะเปลี่ยนไปในช่วงชีวิตผม ถ้าผมสามารถคิดหาทางออกง่ายๆ ได้ ผมคงจะแนะนำมันในตอนนี้ แต่มันซับซ้อนและไม่ง่าย

 

อะไรทำให้คุณฉุนเฉียวที่สุดเกี่ยวกับสังคมรอบตัวคุณ

Tom : ความอคติ ถ้าผมเห็นมัน ผมคงจะเป็นบ้า มันถูกจำกัดในหลายๆ ระดับ เชื้อชาติ ภูมิหลัง ศาสนา ผมหมายถึง ลองดูทรัมป์สิ และสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับมุสลิม ผมโกรธเรื่องนั้นมาก มันเป็น hate speech

 

คุณเคยพบเจอความอคติด้วยตัวเองหรือเปล่า

Tom : อาจจะ ผมแค่พยายามที่จะหลีกเลี่ยงมัน ผมแน่ใจว่ามีคนที่เข้าใจผมผิด และผู้คนมักจะตัดสินคนอื่นอย่างรวดเร็วโดยที่มันอาจไม่ถูกต้องเลย คุณพยายามจะใช้ชีวิตเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ามันผิด ผมชอบทำแบบนั้น ผมไม่โมโหเวลาพบอคติเกี่ยวกับนักแสดง มันเป็นส่วนหนึ่งของงาน

 

image1

 

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคุณถึงมาเป็นนักแสดงตั้งแต่แรก

Tom : ที่ผมมาเป็นนักแสดงเพราะผมสนใจในอัตลักษณ์ ผมสนใจในความไม่แน่นอนของอัตลักษณ์ พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่าอย่างไรนะ หรือบางทีอาจจะไม่ใช่พระพุทธเจ้า “พวกเรามีความหลากหลาย” ผมไม่ใช่ศาสนิกชนหรอก มันเป็นแค่สำนวน! คุณสามารถมองจากมุมของคนอื่น ได้รับรู้ว่าทำอาชีพอื่นเป็นอย่างไร เป็นทหารเหมือนใน The Night Manager หรือเป็นนักสรีรวิทยาเหมือนใน High-Rise มันเร้าความเป็นมือสมัครเล่นและความสนใจในจิตวิทยาของผม ผมมองว่าผู้คนล้วนน่าทึ่ง มันเป็นส่วนหนึ่งในการทดสอบตัวเอง อีกอย่างที่ทำให้ผมประหลาดใจคือความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตส่วนตัวถูกซ่อนไว้ภายใต้ภาพลักษณ์ภายนอกที่สงบนิ่ง มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนมาก

 

คุณสงสัยในหน้ากากที่พวกเราสวม

Tom : เราทุกคนต่างนำเสนอตนเองในแบบหนึ่งให้กับโลก แต่สิ่งที่อยู่ภายในกลับคาดเดาได้ยาก สับสนวุ่นวาย และอ่อนไหว ด้วยตัวละครทั้งสองใน The Night Manager และ High-Rise ผมอยากนำเสนอความแตกต่างนี้

 

The Night Manager มีกระแสตอบรับที่ดี อะไรทำให้คุณอยากแสดงเป็น Jonathan Pine ทหารเก่าทำงานในโรงแรมหรูที่ผันตัวเองไปทำงานให้ MI6

Tom : ผมได้แรงบันดาลใจอย่างมากจากเรื่องราวความกล้าหาญของไพน์ ผมนึกถึงศีลธรรมของเขา งานทางการทหาร และความโกรธเกรี้ยว เขามีความอารมณ์ที่มาจากการที่เขาไปประจำที่อิรัก คงจะมีคนที่เหมือนไพน์ที่เปี่ยมไปด้วยความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญอย่างน่าทึ่งอยู่

 

คุณเคยคิดไหมว่าคุณจะรับมืออย่างไรในค่ายทหาร

Tom : ผมเคย แต่คำตอบก็คือผมไม่รู้ ผมเคยคิดเรื่องนี้หลายครั้งเพราะผมรับบททหารมามาก ถ้าคุณตัดโลกิออกไป แทบทุกคนที่ผมเล่นล้วนเป็นทหาร อย่างเช่นกัปตันนิโคลส์ใน War Horse และเฟร็ดดี้ เพจ ใน The Deep Blue Sea ผมยังเคยเล่นเป็นทหารในบทละครเชคสเปียร์เรื่อง Coriolanus และ Henry V

 

image2

 

คุณได้พบ John le Carré หรือเปล่า

Tom : ได้ครับ เขาให้ความร่วมมือดีมาก ผมชอบเจอเขา ผมคิดว่าเขาก็มีความสุขกับมัน ผมได้รับอีเมล์ที่น่าทึ่งจากเขาพร้อมหนังสือตีพิมพ์ครั้งแรกเรื่อง “Seven Pillars of Wisdom” โดย TE Lawrence มันเป็นสิ่งพิเศษและงดงามที่มอบให้ผม

 

คุณกับเขาได้คุยกันเรื่องอะไรบ้าง

Tom : มันเป็นบทสนทนาที่น่าประทับใจ ผมเพิ่งกลับมาจากซูดานทางใต้หลังจากทำงานกับ Unicef มากว่าสิบวัน มันเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดที่ผมเคยไป พวกเราอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมือง ทำสารคดีเกี่ยวกับอะไรที่พวกเขาทำในพื้นที่ขัดแย้ง ประเทศถูกแบ่งแยกโดยสมบูรณ์ มันเป็นวิกฤตของมนุษยชาติ ผมคุยกับจอห์นเรื่องนั้นรู้สึกโกรธและหงุดหงิดเกี่ยวกับกฎหมายการครอบครองอาวุธ เขาพูดว่า “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ใช้ความรู้สึกนั้นซะ!”

 

การแสดงในภาพยนตร์เป็นความใฝ่ฝันของคุณตั้งแต่สมัยเรียนที่ Rada หรือเปล่า

Tom : ครับ ผมรักมัน Rada อยู่แค่สถานี Goodge Street ผมเคยวิ่งไปที่ Curzon Soho และ Odeons (*ทั้งสองแห่งเป็นโรงหนัง) ผมดูหนังทุกเรื่องที่ฉายและผมก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของมัน แต่ยังมีส่วนหนึ่งของการผลิตภาพยนตร์ที่ยังดูห่างไกล ผมหลงรักการผลิตภาพยนตร์ในวิถียุโรปเสมอ มันเป็นสิ่งที่ผมต้องฝึกให้หนักขึ้น ผมอยากเรียนภาษาอื่นๆ และแสดงในภาพยนตร์ต่างประเทศ

 

คุณคิดว่านักแสดงบริติชในช่วงอายุคุณอยู่ในยุคทองของความสำเร็จในต่างชาติหรือเปล่า

Tom : ครับ ผมคิดว่างั้นนะ ผมคิดว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอน Hugh Laurie แสดงเรื่อง House ในทีวี สิ่งที่สืบทอดมาในรุ่นของผมคือการที่นักแสดงไม่ได้รอการชักชวนให้ไปอเมริกา คุณก็แค่ไปและลองเสี่ยงดวงดู ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น นักแสดงบริติชที่ประสบความสำเร็จ ทอม ฮาร์ดี้ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ นิโคลัส ฮอลท์ ไอดริส เอลบา นี่เป็นกลุ่มคนที่กล้าออกไปท้าทาย แต่ก่อนหน้านั้นคุณต้องมีชื่อเสียงในอังกฤษก่อนจึงจะก้าวเท้าออกไปข้างนอกนั่น ผมจำความรู้สึกของความเป็นไปได้ในตอนนั้น

 

ภาพยนตร์ยุคใหม่ต้องการให้นักแสดงมีรูปร่างฟิตเหมือนนักกีฬาหรือเปล่า

Tom : ผมรู้สึกแบบนั้นนะ สำหรับ The Night Manager และ Skull Island ที่ผมกำลังถ่ายทำอยู่ตอนนี้ที่ออสเตรเลีย ผมแสดงเป็นทหาร เพราะฉะนั้นคุณก็คงอยากจะทำให้มันถูกต้องเหมือนทหารจริงที่มีรูปร่างเช่นนั้น ผมว่าความเสมือนจริงจะทำให้ดูมีคุณภาพ คนดูคงไม่อยากเห็นคุณแสร้งทำ พวกเขาต้องการดูของจริง และนั่นรวมไปถึงรูปลักษณ์ภายนอก คนดูจะอินไปกับมัน ไม่ว่าจะเป็นลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ใน The Revenant ไมเคิล บี จอร์แดน ใน Creed หรือไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ใน Hunger คุณจะเห็นอะไรได้ชัดเจนจากการทุ่มเทเหล่านั้น ผมกำลังคิดถึงเรื่องนี้เมื่อวาน เรื่องการพยายามซื่อตรงในทุกสิ่ง ใช่ว่าผมเลือกที่จะอยู่กับตัวละครหรือสร้างวิธีการใหม่ๆ มันก็แค่สิ่งที่คนดูต้องการเห็น ผมเองก็ด้วย พวกเราจะมีความรู้สึกร่วมไปด้วยหากมีความเสมือนจริง มันมีมายากลเพื่อสร้างภาพลวงตา แต่ความมุ่งมั่น ความเสี่ยง และความถูกต้องเป็นสิ่งที่มีสำคัญมากในศิลปะ

Leave a comment